Tuesday, September 9, 2014

ประสบการณ์การสอบ TOEFL iBT

อารัมภบท

สวัสดีครับ วันนี้นึกคึกขึ้นมาอยากเขียนประสบการณ์การสอบ TOEFL iBT เก็บไว้สักหน่อย เพราะก็เป็นอะไรที่โหดจริง ๆ แถมเป็นการสอบที่ผมใช้เวลาเตรียมตัวสอบมากที่สุดในชีวิตด้วยนะ - -*

จริง ๆ ตอนแรกผมมีความตั้งใจว่าอยากไปเรียนต่อที่อเมริกาครับ แต่ก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะหาทุนจากไหนอะไรไป เลยคิดว่าเออ ยังไงก็คงต้องสอบ TOEFL ไว้แหละ ก็เลยไปลงคอร์สเรียนคอร์สราคาหลายบาทไว้ เพราะลำพังภาษาอังกฤษกาก ๆ ของตัวเอง คิดว่าไม่น่ารอดครับ

หลังจากเรียนไปได้สักครึ่งคอร์สก็ค้นพบว่าตัวเองสอบติดมหาลัยที่ประเทศญี่ปุ่นพร้อมทุนรัฐบาลเค้า (ตอนนั้นใช้คะแนน TOEIC ยื่นไป) ก็เลย อ้าว ไม่สอบแล้วดีมั้ย คิดไปคิดมา แต่ก็เสียตังไปแล้ว ก็เลย เออ เอาวะ สอบ ๆ ไปเถอะ จะได้รู้คะแนนตัวเองด้วย คิดซะว่าเป็นการเตรียมภาษาอังกฤษก่อนไปเรียนต่อละกัน เพราะไปญี่ปุ่นก็เรียนอินเตอร์อยู่ดี อีกอย่างคืออยากมีคะแนนไว้คุยกับชาวบ้านตอนไปเรียนต่อด้วย เพราะไปเรียนป.โททั้ง ๆ ที่ไม่มีคะแนน TOEFL/IELTS เลยมันรู้สึกแปลก ๆ งะ (อันนี้วิตกจริตไปเอง)

การเตรียมตัว

จากนั้นก็เลยเริ่มลุยเต็มที่ครับ โดยที่ผมเรียนคอร์ส TOEFL อยู่ที่นึงแล้ว แล้วก็ไปซื้อหนังสือที่เค้าฮิต ๆ กันมาอ่านเพิ่ม (ซึ่งรู้สึกว่ามันยากกว่าของจริงมาก และไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่)

ใช้เวลาหลังเลิกงาน และเสาร์-อาทิตย์ (ตอนนั้นทำงานประจำอยู่ด้วยครับ) ในการเตรียมตัว ซึ่งก็เหนื่อยจริง ๆ ครับ เลิกงานก็ต้องรีบ ๆ ไปเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ต้องแหกขี้ตาตื่นไปเรียนตอนเช้า ตอนบ่ายเรียนภาษาญี่ปุ่นต่ออีก คือมันส์ระเบิดครับ ชีวิตช่วงนั้น

ออกนอกเรื่องไปไกล... กลับมาประเด็นของเรานะครับ...

คือวันนึงผมก็เสิร์ชหากระทู้อ่านไปเรื่อย แล้วก็ไปเจอกระทู้ที่เพื่อนคนนึงได้ตั้งไว้เกี่ยวกับประสบการณ์การสอบ ซึ่งก็คือ >> http://pantip.com/topic/31090643 ซึ่งเพื่อนผมก็ได้แนะนำเว็บไซต์นึง ในการเตรียมตัวสอบครับ ซึ่งก็คือ

NoteFull

ในเว็บนี้เค้าจะมีฟรีวิดีโอให้ดูอยู่เหมือนกันครับ เป็นเทคนิคการทำข้อสอบต่าง ๆ ซึ่งผมดูแล้วก็รู้สึกว่า เออ ใช่เลย ก็เลยเสียกะตังจ่ายค่าคอร์สให้เค้าไปครับ

จริง ๆ เสต็บการเตรียมตัวสอบ TOEFL นี่ จากที่ได้คุยกับหลาย ๆ คนจะวนเวียนอยู่แค่นี้ครับ

"โอ๊ย แม่งยากว่ะ" => "มา ๆ เริ่มได้ละ => "โอ๊ย อยากสอบแล้วโว้ยยย (อึดอัด)" => "เดี๋ยว ๆ ขอเวลาอีกนิด TT" => "โอ๊ย อยากสอบแล้วโว้ยยย (อึดอัด)" => "เดี๋ยว ๆ ขอเวลาอีกนิด TT" (แล้วก็วนกลับไปใหม่)

แต่ด้วยความที่เวลาบีบบังคับ (ใกล้จะบินแล้ว) ก็เลยลงสมัครสอบไปครับ TT ตอนแรกเซ็ง เพราะยังไม่พร้อม แต่พอสอบไปแล้วก็รู้สึกว่า เออ จริง ๆ มันเตรียมตัวไปได้เรื่อย ๆ อะ ไม่มีวันพร้อมหรอกถ้าเราไม่กำหนดเวลาให้ตัวเอง

สอบจริง ๆ แล้วนะ

วันสอบจริงผมเลือกศูนย์สอบ OBAC ที่ลาดกระบังครับ (จริง ๆ อยากได้ของม.เกษมบัณฑิตที่เค้าว่าดีนักหนา แต่เผอิญเต็มไปแล้วครับ เนื่องจากสมัครช้า) เอาจริง ๆ คิดว่าศูนย์สอบไม่ค่อยโอเคครับ แต่พอไปถึงแล้วก็โอเคเลยนะ เจ้าหน้าที่น่ารัก ใจดี แต่อาจจะมีดุบ้าง บางคน บางอย่างอาจจะไม่ค่อยเป็นระบบบ้างครับ เช่นมีการเรียกคนนู้นมาทำอันนี้ให้คนนี้ไปทำอันนั้น ต่อคิวกัน งง ๆ บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักของเราครับ

ลักษณะห้องสอบก็เป็นห้องแอร์เย็น ๆ ครับ (แนะนำให้ใส่เสื้อหนาว กางเกงขายาว ถุงเท้า + รองเท้าผ้าใบครับ จะได้ไม่หนาวเกิน) แต่ละที่นั่งจะมีคอกกั้น กันเสียงได้ระดับนึง ตอน Speaking ได้ยินเสียงคนอื่นบ้าง แต่โดยรวมไม่ได้มีผลกับการสอบของผมนะ

จะมีตอน Test ไมโครโฟนตอนแรกครับ ที่ผมอาจจะตื่นเต้น เลยกระซิบใส่มัน มันเลยบอกว่าไมค์ใช้ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องเดินมา test ให้ ตอนนั้นก็คิดในใจว่า "เอ๊ะ แล้วตอนสอบกุพูดไปเค้าจะได้ยินมั้ยเนี่ย" แต่ตอนก่อนสอบ Speaking จะมี ให้ทดสอบอีกรอบนึงครับ หายห่วงได้

ข้อสอบ

Reading : โดยรวมผมว่ามันยากกว่าอีพวกข้อสอบที่ฝึก ๆ ทำนะ เพราะผมลองทำเล่ม Official Guide ของ ETS เองก็รู้สึกว่ามันง่ายกว่านี้ และผิดไม่เกิน 2-3 ข้ออะครับ แต่ของจริงรู้สึกจะยากกว่า

Listening : นี่ก็รู้สึกว่ามันยากกว่าเหมือนกัน (จริง ๆ ตัวเองกากเอง) เพราะอย่างตอนไปลงเรียน เค้าให้ลองทำโจทย์ ก็ตอบถูกเกือบหมดนะครับ เลยไม่ได้ใส่ใจกับพาร์ทนี้เท่าไหร่ ตอนเตรียมตัว TT

Speaking : อันนี้เป็น part เดียวที่รู้สึกว่าง่ายกว่าตอนซ้อมมาก คือตอนหาโจทย์ทำนี่แบบ โห เมิงจะหลอกกุไปไหน แต่ในข้อสอบจริงนี่คือ ตรง ๆ เลย ไม่ได้ยากขนาดนั้นนะ

Writing : อันนี้ผมว่าพอ ๆ กับตอนฝึกทำครับ ไม่ได้หลบกันมาก คือออกแนวตรง ๆ อย่างงั้นแหละ

ผลคะแนน

นี่นั่งรีเฟรชอีเมลล์ ล๊อกอินเข้าเว็บมันทุกวันจนเพื่อนด่าว่าโรคจิต คือมันจะออกหลังจากนั้น 10 วัน พอดีน่ะครับ (ของผมออกตอนตี 3.30) เข้าไปก่อนหน้านั้นก็ไม่ช่วยอะไรเพราะมันจะมีเมลล์มาแจ้ง (คือรู้นะ แต่ก็เข้าอยู่ดี ก็มันอยากรู้นี่หว่าาาา TT)

และผลคะแนนของผมก็คือออออ :
Reading : 24
Listening : 25
Speaking : 26
Writing : 27
Total : 102 ครับผม (คะแนนเรียงสวยมาก)

เอาจริง ๆ คือดีใจมากที่ได้เกิน 100 เพราะใฝ่ฝันมากว่าจะได้เกิน 100 (เห็นคนเก่ง ๆ เค้า 100+ กันหมดเบย TT) แต่ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่า Reading + Listening ไม่เยอะมากครับ อันนี้ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ผมคงกากเอง 555 แต่ Speaking กับ Writing นี่เกินความคาดหมายสุด ๆ ครับ เพราะคิดว่ายังไงก็ไม่เกิน 20 แน่ ๆ (ยกเครดิตทั้งหมดให้ NoteFull จริง ๆ)

คำแนะนำ

เรื่องที่เรียนหรือหนังสืออะไรขอไม่โพสต์ละกันนะครับมีคนโพสต์เยอะแล้ว ขอบอกอะไรที่ยังไม่ค่อยเจอดีกว่า

1. "มั่นใจ" โดยเฉพาะตอน Speaking ครับ พูดให้มั่นใจ เสียง ดัง ๆ ไว้ก่อน ผิดชั่งแม่ง เนียน ๆ ไป ไม่ต้องกังวลอะไร

2. ไม่จำเป็นต้อง "ไฮโซ" คือตอนแรกผมก็กังวลว่าเวลาเขียน สำบัดสำนวน ต้องดี ใช้ศัพท์เวอร์ ๆ แบบให้เพื่อนอ่านไม่รู้เรื่อง ตอนพูดต้องใช้ศัพท์อลังการ คนฟังร้อง "เหยดด" ไรเงี่ย แต่เท่าที่ผมเรียนมา เค้าจะบอกว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นเหมือนแค่ "ของประดับ" ให้มันดูดีขึ้นอะครับ คือมีก็ดี ไม่มีก็ยังสามารถได้คะแนนเต็มได้อยู่ ไปเน้นหลักที่ content เราเขียนให้มันครบและถูกต้อง จะดีกว่า (แต่อันนี้แล้วแต่คนนะครับ เพราะตัวผมเองไม่ได้ได้คะแนนเต็ม จึงมิสามารถยืนยันได้ด้วยตัวเองครับ)

3. เวลาคนให้คะแนน เค้าจะถือว่างานเราเป็น "First draft" คือสะกดผิดบ้างนิดหน่อย หรือแกรมมาร์ผิดบ้างเล็กน้อย ไม่หักคะแนนครับ เพราะเราไม่มีเวลามาทวนหลายรอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลมาก (แต่ผิดเยอะเกินก็โดนหักอยู่ดีนะ) อย่างที่บอก ไปเน้น content ดีกว่า เขียนให้ครบถ้วนถูกต้อง แกรมมาร์ไม่ต้องอลังการ เขียนง่าย ๆ ไป แต่ก็ไม่ใช่ง่ายเกินไป คืออันไหนที่มันควรจะเชื่อมประโยคยังไง ก็ควรทำไปหง่ะครับ ให้มันอ่านแล้วเข้าใจง่ายที่สุดจะดีกว่านะ

4. "อย่าท้อ" ครับ เพราะตัวผมเองจริง ๆ ตอนมหาลัยนี่ภาษาอังกฤษกากมาก คือ จะถามว่า "กินข้าวรึยัง" ยังไม่สามารถแปลเป็นภาษาอังกฤษได้เลย ต้องไปถามเพื่อนว่ามันพูดยังไง ตอนไปลงเรียนก็ยังใช้ present tense กับเรื่องเมื่อวาน ไม่รู้ว่า Adjective, Adverb อะไรมันต่างกันยังไงเลย แต่สุดท้ายก็พยายามมาเรื่อย ๆ จนได้โทเฟลเกินร้อย(มานิดนึง) ได้ครับ


ส่งท้าย

อย่างที่เกริ่น ๆ ไปก่อนหน้านี้ครับ ขอยกเครดิตคะแนนทั้งหมดให้กับเว็บ NoteFull เลยครับ เพราะผมได้แนวทางการทำข้อสอบจากที่นี่หมดเลย พวกข้อสอบข้อนี้ลักษณะยังไง ถามยังไง ต้องตอบยังไง pattern เค้าก็เตรียมให้หมด (ตอนแรกก็คิดว่ามันขี้โกงนะ แต่จริง ๆ มันคือวิธีการของ Academic writing ไรพวกเนี่ยอะครับ ซึ่งผมก็ไม่เคยเรียนต่างประเทศหรืออินเตอร์อะไร ไม่มีความรู้ตรงนี้)

คิดว่าเว็บไซต์นี้ น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในโลกนี้แล้วครับ เคยไปลงเรียนคอร์สละหลายตัง ซื้อหนังสือเล่มละแพง ๆ มาอ่าน แทบไม่ช่วยอะไรเลย สุดท้ายได้จากเว็บนี้หมด

ตอนแรกซื้อหนังสือมาลองทำโจทย์นี่คือทำไม่ได้เลยนะ แบบ พูดได้ 2-3 ประโยค เขียนได้ 2-3 บรรทัด จบแล้ว เพราะไม่รู้ต้องทำไงต่อ แต่ได้เว็บนี้ช่วย ทำให้ได้คะแนนอย่างที่ทุกคนเห็นได้ >//<

ถ้ายอมรับจริง ๆ คือความสามารถผมนี่ไม่ได้มีไรเลย ได้ 100+ เพราะเว็บนี้จริง ๆ

ใครสนใจก็ลองดูได้ครับ

(เพราะเราเข้าใจว่าการเตรียมตัวสอบโทเฟลมันทรมานขนาดไหน 555+)

ปล. ถ้าใครสนใจเข้าไปดูและสนใจสั่งซื้อ รบกวนคลิกลิงก์ด้านล่างนี้หน่อยนะครับ (ผมได้ค่าขนมจากการแนะนำเล็กน้อย) (แต่เอาจริง ๆ ถึงไม่ได้ก็อยากแนะนำให้อยู่ดีนั่นแหละ (หล่อมะ) ) (แต่ถ้าใครซีเรียสยังไง เข้าเวบไซต์เค้าโดยตรงได้เลยครับ เสิร์ชผ่าน google ได้เลย สบายใจ หรือลองดูวิดีโอใน Youtube ดูก่อนก็ได้ครับ จุดประสงค์หลักผมคืออยากแบ่งปันอยู่แล้ว ^^)

>>>>>> NoteFull <<<<<<

สุดท้ายนี้ ก็ ขอให้โชคดี ประสบความสำเร็จในการเตรียมตัวสอบทุกคน สู้ ๆ ครับ ^^